นวัตกรรม คือ อะไรจำเป็นต้องมีความรู้เกี่ยวกับกลุ่มคำสำคัญ 3 กลุ่มคำ ที่มีความสำคัญสำหรับนวัตกรรม ได้แก่ Thing, New และ Value
ซึ่งเป็นกลุ่มคำร่วมที่เข้าใจง่าย และถูกนำมาสู่การสร้างโมเดล “#EasyInnovation” ที่เป็นการนิยามนวัตกรรมอย่างง่าย ๆ และสามารถนำไปใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวันของเรา
ดังนั้น นวัตกรรมจึงมีความสำคัญอย่างมากในยุคปัจจุบัน เนื่องจากมีผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ และสังคมในการพัฒนาชุมชน และประเทศชาติอย่างยั่งยืนในอนาคต
สารบัญบทความ
- นวัตกรรมประกอบไปด้วย 3 กลุ่มคำ
- สิ่งประดิษฐ์/ความคิดริเริ่ม/สิ่งที่เป็นประโยชน์ จะทำ Innovation อย่างไร
- 4 วิธีง่าย ๆ เพื่อกระตุ้นการสร้างนวัตกรรม ด้วยไอเดียสร้างสรรค์
- สรุป
นวัตกรรมประกอบไปด้วย 3 กลุ่มคำ ที่สำคัญได้แก่
กลุ่มคำสำคัญที่ 1
“Thing”
กลุ่มคำสำคัญแรกคือ Thing ซึ่งในที่นี้แทนความหมายของสิ่งที่ทำให้เกิดขึ้น หรือดำเนินการทำออกมาเรียบร้อยแล้ว โดยแยกเป็นประเภทต่าง ๆ ดังนี้

ผลิตภัณฑ์ (Product)
ผลิตภัณฑ์คือ สิ่งของหรือสินค้าที่ผลิตขึ้นมาเพื่อขาย หรือใช้งาน ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายประเภท เช่น ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง และอื่น ๆ
การบริการ (Service)
การบริการคือ กิจกรรมที่ให้บริการแก่ผู้ใช้ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า หรือผู้รับบริการ เช่น การให้บริการท่องเที่ยว การให้บริการซ่อมบำรุงรถยนต์ การให้บริการโรงแรม หรือการให้บริการอื่น ๆ ที่ผู้ใช้บริการต้องการ
เพื่อให้ได้รับประโยชน์ และความพึงพอใจจากการใช้บริการนั้น ๆ ดังนั้นการบริการมีความสำคัญอย่างมากในธุรกิจ และสังคมทั่วไป โดยบริการที่มีคุณภาพจะช่วยสร้างความไว้วางใจ และความพึงพอใจของลูกค้าต่อธุรกิจนั้น ๆ
การมีระบบการบริการที่มีคุณภาพสูง จะช่วยให้ลูกค้ามีประสบการณ์ที่ดีในการใช้บริการ ทำให้พวกเขากลับมาใช้บริการซ้ำอีกครั้ง และแนะนำธุรกิจให้กับเพื่อน และคนรู้จัก ซึ่งจะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในธุรกิจ และช่วยเพิ่มยอดขายบริการนั้น ๆ ตามมาอีกด้วย
กระบวนการ (Process)
การบริหารจัดการแบบกระบวนการ (Process Management) เป็นกระบวนการที่มีความสำคัญสำหรับองค์กร หรือธุรกิจ เนื่องจากช่วยให้องค์กร หรือธุรกิจสามารถปรับปรุงกระบวนการภายในองค์กรได้ดียิ่งขึ้น และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในแต่ละขั้นตอนของกระบวนการ
นอกจากนี้ การบริหารจัดการแบบกระบวนการยังช่วยลดความผิดพลาด และเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการหรือผลิตสินค้าขององค์กรได้อีกด้วย
กระบวนการที่ดี แต่ละขั้นตอนจะต้องมีการวิเคราะห์ และประเมินผลอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้เห็นความเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยแต่ละขั้นตอนจะต้องสอดคล้องกับเป้าหมาย และวัตถุประสงค์ขององค์กร
หากมีการพบปัญหาหรือความผิดพลาดในกระบวนการ จะต้องมีการแก้ไข และปรับปรุงตามขั้นตอนการวิเคราะห์ และประเมินผล เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาเดิมเกิดขึ้นอีกครั้งในอนาคต
นอกจากการออกแบบ และการปรับปรุงกระบวนการ การบริหารจัดการแบบกระบวนการ อาจจะต้องใช้เครื่องมือ และเทคโนโลยีเพื่อช่วยให้การจัดการกระบวนการดียิ่งขึ้นอีกด้วย โดยเครื่องมือและเทคโนโลยีเหล่านี้จะช่วยให้เราสามารถวิเคราะห์ข้อมูล ตรวจสอบปัญหา และทำการปรับปรุงกระบวนการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
เช่น โปรแกรมคอมพิวเตอร์ เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เราสามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีเครื่องมืออื่น ๆ เช่น ระบบจัดเก็บข้อมูล Database ที่ช่วยให้เราเก็บข้อมูล และสามารถเรียกดูข้อมูลได้ตลอดเวลา ระบบอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง
หรือเรียกง่าย ๆ ว่า “อินเทอร์เน็ตในทุกสิ่ง” Internet of Things (IoT) ที่ช่วยให้เราติดตามการทำงานของเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่าง ๆ และระบบประสาทเทียม (Neural Network) ที่ช่วยให้เราสามารถวิเคราะห์ข้อมูลที่มีความซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การบริหารจัดการ (Management)
การบริหารจัดการ เป็นกระบวนการที่สำคัญ และมีความสำคัญอย่างมากในองค์กร และธุรกิจต่าง ๆ มีหลายประเภทของการบริหารจัดการที่สำคัญต่อธุรกิจ เช่น
- การบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ Human Resource Management
- การบริหารการเงิน Financial Management
- การบริหารจัดการโครงสร้างองค์กร Organizational Management เป็นต้น
การบริหารจัดการมีหลายระดับ และหลายขั้นตอน เช่น การวางแผน Planning , การออกแบบ Designing , การดำเนินงาน Operating , การควบคุม Controlling และการประเมินผล Evaluating
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและในการแข่งขันธุรกิจ เทคโนโลยี และการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การบริหารจัดการต้องทำการวิเคราะห์ และพัฒนาเพื่อปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ และการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
ระบบ (System)
ระบบเป็นสิ่งที่สำคัญในการบริหารจัดการทุกประเภทของธุรกิจ และองค์กร ระบบเป็นการจัดลำดับ และออกแบบกระบวนการทำงานเพื่อให้การดำเนินงานในองค์กรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ มีความเรียบง่าย และสามารถปรับปรุงได้ตลอดเวลา
การออกแบบระบบต้องเริ่มต้นจากการวิเคราะห์ตัวองค์กร และต้องใช้ข้อมูลจากการสำรวจ และการวิเคราะห์ของกระบวนการธุรกิจ เพื่อพัฒนาระบบที่เหมาะสมกับความต้องการขององค์กร และสามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การพัฒนาระบบจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม เช่น การใช้ซอฟต์แวร์ และโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เพื่อช่วยลดเวลาในการทำงาน และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน การใช้ระบบเครือข่าย network system เพื่อเชื่อมต่อองค์กรและช่วยในการสื่อสาร และการใช้เทคโนโลยีอื่นๆ เช่น การใช้ระบบอัตโนมัติ automation system เพื่อลดเวลาในการทำงาน และลดความผิดพลาดในกระบวนการ
การพัฒนาระบบไม่สิ้นสุดที่เพียงแค่การออกแบบ และพัฒนาระบบเท่านั้น การดูแลรักษาและปรับปรุงระบบเป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน ต้องมีการตรวจสอบ และประเมินผลเพื่อพัฒนา และปรับปรุงระบบให้ดียิ่งขึ้นตามความต้องการขององค์กรและลูกค้า
นอกจากนี้ การใช้เทคโนโลยีเพื่อรองรับระบบก็เป็นสิ่งสำคัญ เช่น การใช้งาน Cloud Computing เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บข้อมูล การใช้งาน Internet of Things (IoT) เพื่อเชื่อมต่อ และควบคุมอุปกรณ์ต่าง ๆ และการใช้งาน Artificial Intelligence (AI) เพื่อประมวลผลข้อมูลและสร้างความสามารถในการตัดสินใจอย่างมีประสิทธิภาพ
รูปแบบธุรกิจ (Business Model)
รูปแบบธุรกิจเป็นแผนการที่กำหนดวิธีการทำงานขององค์กร หรือกิจการเพื่อสร้างรายได้ และกำไร โดยมีการกำหนดโครงสร้างองค์กร รูปแบบการผลิต วิธีการขาย และวิธีการจัดหาเงินทุน เพื่อให้ธุรกิจขององค์กร หรือกิจการมีความยั่งยืน และประสบความสำเร็จในอนาคต
รูปแบบธุรกิจสามารถแบ่งออกเป็นหลายแบบ ยกตัวอย่าง เช่น
- รูปแบบธุรกิจเจ้าของสิทธิบัตร (Franchise Business Model) ในที่นี้หลายคนจะรู้จัก และคุ้นเคยกับธุรกิจแบบแฟรนไซส์กันมากที่สุด ซึ่งเป็นการให้สิทธิ์ให้ผู้ประกอบการนำแบรนด์ และรูปแบบการทำธุรกิจขององค์กรให้ใช้ โดยจะมีการเสียค่าใช้จ่ายตามสัญญาอย่างชัดเจน
- รูปแบบธุรกิจซื้อขายสินค้าออนไลน์ (E-commerce Business Model) ซึ่งเป็นการขายสินค้าผ่านทางอินเทอร์เน็ต โดยมีการเชื่อมต่อระบบการชำระเงิน และจัดส่งสินค้าให้สะดวก และรวดเร็ว
- รูปแบบธุรกิจเชิงสร้างสรรค์ (Creative Business Model) ซึ่งเป็นการผลิตสินค้าหรือบริการที่มีความเป็นเอกลักษณ์ และนำไปใช้ในการสร้างรายได้ โดยมีการวางแผนเชิงสร้างสรรค์ในการจัดการและการตลาด
การเลือกใช้รูปแบบธุรกิจที่เหมาะสม เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จของธุรกิจอย่างมาก รูปแบบธุรกิจต้องเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมที่ธุรกิจต้องเผชิญ รวมถึงต้องตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างเหมาะสม เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว
การได้มาของของ (Thing) สามารถเกิดขึ้นได้จากการคิดค้น และวิจัยใหม่ (Research & Development) หรือการพัฒนา และปรับปรุงจากสิ่งที่มีอยู่เดิม (Improvement) ก็ได้เช่นกัน
ผลิตภัณฑ์นวัตกรรมแนะนำ
กลุ่มคำสำคัญที่ 2
“New”
คำว่า “ใหม่” เป็นคำที่มีความหมายที่หลากหลาย และใช้งานได้หลากหลายประเด็น ไม่ว่าจะเป็นใหม่ของบุคคล ใหม่ขององค์กร หรือใหม่ของโลก

เมื่อมีความใหม่เกิดขึ้น ก็มักจะมีปัญหาที่ตามมาด้วย เช่น ใหม่ของเรา แต่ไม่ใหม่ของเพื่อน ใหม่ของประเทศ แต่ไม่ใหม่ของโลก จึงเกิดการใช้งานที่ซับซ้อน และยากต่อการเข้าใจ
เพื่อให้เข้าใจคำว่า “ใหม่” ได้ง่ายขึ้น มีมาตรฐานที่สามารถอ้างอิงได้ นั่นคือมาตรฐาน British Standard (BS) 7000 : 2008 ซึ่งได้นิยามคำว่าใหม่ไว้ 9 ระดับ ดังนี้
- ใหม่สำหรับตนเอง New to an Individual ในระดับนี้ นวัตกรรมหมายถึงสิ่งใหม่ ๆ ที่คนเดียวกันไม่เคยเห็นหรือทราบมาก่อน โดยมักจะเกี่ยวข้องกับการพัฒนาทักษะ และความสามารถของบุคคลเอง
- ใหม่สำหรับแผนก New to a Department ระดับนี้หมายถึงสิ่งใหม่ ๆ ที่แผนกหรือกลุ่มงานต่าง ๆ ในองค์กรยังไม่เคยพิจารณา หรือทราบข้อมูลมาก่อน ซึ่งอาจเป็นเทคโนโลยี หรือวิธีการทำงานที่ใหม่ มีความคล่องตัว และมีประสิทธิภาพสูงกว่าเดิม
- ใหม่สำหรับส่วน New to a Site
- ใหม่สำหรับองค์กร New to an Organization ระดับนี้หมายถึงนวัตกรรม หรือเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่องค์กรยังไม่เคยใช้งานมาก่อน และอาจส่งผลกระทบที่ดีต่อกระบวนการธุรกิจหรือการดำเนินงานขององค์กร
- ใหม่สำหรับตลาด New to a Market ระดับนี้หมายถึง การพัฒนาผลิตภัณฑ์ หรือบริการใหม่ ที่ยังไม่เคยมีอยู่ในตลาด และมีการสร้างความต้องการใหม่ในตลาด หรือมีลักษณะที่แตกต่างจากผลิตภัณฑ์ หรือบริการที่มีอยู่ในตลาดอยู่แล้ว โดยมีวัตถุประสงค์ เช่น เพื่อการขยายตลาดใหม่
- ใหม่สำหรับภาคส่วน / อุตสาหกรรม New to a Sector / Industry หมายถึง หมายถึงการพัฒนาสิ่งใหม่ ๆ เพื่อใช้ในภาคส่วนหรืออุตสาหกรรมที่ยังไม่เคยมีอยู่มาก่อน โดยมีการพิจารณาความเหมาะสมของสิ่งที่พัฒนาใหม่เหล่านั้นกับภาคส่วนหรืออุตสาหกรรมนั้น ๆ ก่อนนำไปใช้จริง และมีการตรวจสอบผลสัมฤทธิ์ของสิ่งที่พัฒนาใหม่เหล่านั้นเพื่อให้มั่นใจว่ามันเหมาะสมและเป็นประโยชน์ต่อภาคส่วนหรืออุตสาหกรรมนั้น ๆ
- ใหม่สำหรับประเทศ (New to a Country)
- ใหม่สำหรับภูมิภาค (New to a Region)
- ใหม่สำหรับโลก (New to the World) หมายถึงสิ่งใดที่มีความสำคัญหรือมีผลกระทบใหม่ และสำคัญต่อโลกในปัจจุบันหรืออนาคต เช่น นวัตกรรมที่เกี่ยวกับการลดปริมาณขยะพลาสติกในมหาสมุทร การพัฒนาระบบพลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หรือการสร้างแนวคิดที่เน้นการยั่งยืนและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนทั่วโลกในยุคปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้น คำว่า “ใหม่สำหรับโลก” เป็นคำที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่สร้างสรรค์ขึ้นมาใหม่ และสามารถส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และการพัฒนาต่อไปในโลกทั้งในปัจจุบัน และอนาคต
กลุ่มคำสำคัญที่ 3
“Value”
Value มีคุณค่า แล้วใครที่จะบอก หรือประเมินถึงคุณค่า และประโยชน์ที่เกิดขึ้น คน ๆ นั่นก็คือ ลูกค้า-ผู้ใช้งาน นั้นเอง

แล้วคุณค่าที่เกิดขึ้นจากนวัตกรรม มีอะไรบ้าง ? สำหรับการวิเคราะห์คุณค่าที่เกิดขึ้นจากนวัตกรรมนั้น สามารถแบ่งเป็น 3 ส่วน หรือจำง่าย ๆ คือ “2 เพิ่ม 1 ลด” ได้แก่
- เพิ่มผลประโยชน์ (Gain Creator) ซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดในการสร้างคุณค่า การเพิ่มประโยชน์ที่เชื่อมโยงกับสิ่งที่ลูกค้าต้องการ หรือที่สร้างความสุขให้กับลูกค้า และเป็นเหตุผลหลักในการทำนวัตกรรม เช่น ลดต้นทุนการผลิต ประหยัดเวลา ประหยัดพลังงาน และอื่น ๆ
- เพิ่มคุณค่าทางจิตใจ (Emotional Contribution) ซึ่งเป็นส่วนที่สร้างคุณค่าเพิ่มเติมให้กับผู้ใช้งาน โดยเป็นการสร้างความรู้สึกที่ดีให้กับผู้ใช้งาน เช่น ช่วยให้ผู้ใช้งานรู้สึกมั่นใจ มีความสุข มีความสุขเมื่อได้ใช้งาน หรือบางคนชอบพูดติดปากว่า “ของมันต้องมี” นั้นก็เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จในการสร้าง (Value) เพิ่มคุณค่าทางใจ
- ลดความเจ็บปวด (Reduce Pain Point) คือ เป็นการแก้ไขปัญหา หรือการลดปัญหา ที่เกิดขึ้นโดยสามารถมองให้ละเอียดขึ้นเป็น 4 มิติ ของปัญหาได้แก่
Man = คน
Machine = เครื่องจักร เครื่องมือ อุปกรณ์
Material = วัตถุดิบ วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้
Method = กระบวนการ วิธีการ
เมื่อพูดถึงนวัตกรรม (Innovation) แล้ว เราสามารถรู้สึกว่ามันใกล้ตัวเรามากขึ้น ผ่านกลุ่มคำ 3 กลุ่มคำ ประกอบด้วย Thing ประเภท, New มีความใหม่, และ Value มีคุณค่า ซึ่งเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับความคิดสร้างสรรค์ และการพัฒนาสิ่งใหม่ ให้มีคุณค่าโดยเอาลูกค้า หรือผู้ใช้งานเป็นศูนย์กลาง
ผลิตภัณฑ์นวัตกรรมแนะนำ
นวัตกรรมผักโขมอินทรีย์อบกรอบ เป็นการนำผักโขมมาแปรรูปเป็นแผ่นบางกรอบ เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถรับประทานผักโขมได้ง่ายขึ้น ซึ่งเหมาะสำหรับกลุ่มผู้บริโภคที่ไม่ชอบรับประทานผักสด หรือกลุ่มผู้บริโภคสายเฮลที (Healthy) ที่ต้องการอาหารที่มีคุณค่าอาหารสูง
- 1 ซอง พลังงานเพียง 25 แคลอรี
- 1 ซอง = ผักขม 1 ถุงในซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป (200 กรัม)
- 1 ซอง = มีปริมาณใยอาหาร ช่วยกระตุ้นการขับถ่าย เท่ากับ ผักโขมสด 1 ขีด (80 กรัม)
- วัตถุดิบหลักเป็นผักโขมอินทรีย์แท้ๆ 100%
- ผักโขมอุดมไปด้วยสารอาหาร ธาตุเหล็ก แคลเซียม วิตามิน
- ผักโขมช่วยทำให้ร่างกายผลิตคอลลาเจนได้มากขึ้น
- ผักโขมให้โปรตีนสูงพอ ๆ กับเนื้อสัตว์
- ผักโขมช่วยป้องกันการสูญเสียกล้ามเนื้อ
- ผักโขมช่วยบำรุงเลือด และทำให้เลือดไหลเวียนดี
ผักโขมอบกรอบเป็นทางเลือกอร่อย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรับประทานอาหารที่มีคุณค่าอาหารสูง สามารถเป็นขนมยามว่างช่วง "เรียนออนไลน์" สำหรับเด็กๆ และช่วง "Work From Home" สำหรับคุณ
ถึงตรงนี้หลายคนอาจสงสัยคำว่า “เทคโนโลยี” หายไปไหน ทำไมไม่มีในกลุ่มคำสำคัญของนวัตกรรม ?
จริง ๆ แล้ว นวัตกรรมไม่จำเป็นต้องมีเทคโนโลยีเสมอไป เพราะเทคโนโลยีเป็นแค่ เครื่องมือ (Tool) ที่ช่วยในการสร้างนวัตกรรมเท่านั้น
ดังนั้น ยังมีผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่มีอยู่ในปัจจุบัน ที่ไม่จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย หรือถ้าจะมี ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นเทคโนโลยีที่ใหม่ ๆ ล้ำ ๆ ที่เป็นเทคโนโลยีในปัจจุบันเสมอไป

เราสามารถสร้าง Innovation (นวัตกรรม) ได้อย่างไรจาก Invention (สิ่งประดิษฐ์) – Initiative (ความคิดริเริ่ม) และ Invaluable (สิ่งที่มีคุณค่า)
อย่างไรก็ตาม จะทำให้นวัตกรรมเป็นเรื่องใกล้ตัวเรายิ่งขึ้นอีก เราสามารถสังเกตได้จากรูปภาพที่ใช้ รูปวงกลม 3 วง ที่มีการทับซ้อนกัน
โดยที่จุดกลางของวง เป็นนวัตกรรม Innovation แต่ยังมีส่วนที่ทับซ้อนกันอีก 3 จุด (สีน้ำเงิน) มาดูกันครับว่า แทนความหมายของคำว่าอะไรกันบ้าง ?

Invention
สิ่งประดิษฐ์
(ทับซ้อนกันระหว่าง Thing + New)
คือ ผลจากการสร้างสิ่งใหม่ ๆ หรือพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ แต่ยังไม่ได้สร้างคุณค่าให้เกิดขึ้นกับลูกค้า หรือผู้ใช้งาน

Initiative
ความคิดริเริ่ม
(ทับซ้อนกันระหว่าง New + Value)
คือ ความคิดริเริ่ม หรือไอเดียใหม่ ๆ ที่เราคาดว่าจะเกิดคุณค่า แต่ยังไม่ได้ทำให้เกิดขึ้นจริง

Invaluable
สิ่งที่เป็นประโยชน์
(ทับซ้อนกันระหว่าง Thing + Value)
คือ นวัตกรรมที่ไม่มีความใหม่แล้ว สร้างมานานแล้ว (ไม่มีความเป็นนวัตกรรมแล้ว) แต่ยังมีค่า หรือยังมีประโยชน์อยู่
เมื่อต้องการสร้างนวัตกรรม สิ่งแรกที่ควรพิจารณาคือการหมุนโมเดลย้อนกลับ โดย
- เริ่มจากการค้นหาความต้องการของลูกค้า หรือผู้ใช้งาน (Value)
- จากนั้นจึงพัฒนาสิ่งใหม่ (New) เพื่อตอบสนองความต้องการดังกล่าว
- และสุดท้ายคือการสร้างสิ่งที่ตอบสนองความต้องการดังกล่าว (Thing)
ดังนั้น การหมุนโมเดลนี้ย่อมช่วยกระตุ้นไอเดียใหม่ ๆ ในการสร้างนวัตกรรมอย่างมีประสิทธิภาพ และเหมาะสมกับตลาด
อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนการพิจารณาว่าเป็นนวัตกรรมหรือไม่ ยังคงเป็นการพิจารณาผ่าน Thing -> New -> Value เช่นเดียวกับเดิมในกระบวนการสร้างนวัตกรรมด้วย EasyInnovation ที่เคยกล่าวไปก่อนหน้านี้
เราจะเริ่มต้นสร้างนวัตกรรมแบบง่าย ๆ โดยการตั้งคำถามว่าคุณค่าใหม่ ๆที่เราอยากสร้างขึ้นมาจะมีประโยชน์อย่างไรให้แก่ ลูกค้า ผู้ใช้ องค์กร หรือประเทศ
นอกจากนี้เราต้องพิจารณาเพิ่มเติมเรื่อง Gain, Pain และ Emotional Contribution เพื่อสร้างความชัดเจนในการสร้างคุณค่านั้น
ดังนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงการติดกับดักของการสร้าง “Thing” ที่ไม่ตอบโจทย์ใครเลย เราจึงต้องเน้นให้การสร้างนวัตกรรมเป็นการแก้ไขปัญหา และตอบโจทย์ความต้องการจริงของ ลูกค้า-ผู้ใช้ ที่ต้องการคุณค่าที่ชัดเจน และสร้างประโยชน์ให้กับผู้ใช้งาน
การสร้างนวัตกรรมไม่ใช่เพียงแค่การใช้เทคโนโลยีสูง ๆ เช่น AI หรือ Robot แต่ต้องเน้นไปที่การแก้ไขปัญหา และสร้างคุณค่าที่จริงจัง ที่จะช่วยแก้ไขปัญหา ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า หรือผู้ใช้งาน นั้นหมายถึงประสิทธิผลต่อการพัฒนาของสังคมในระยะยาว

4 วิธีง่าย ๆ เพื่อกระตุ้นการสร้างนวัตกรรม ด้วยไอเดียสร้างสรรค์
ถ้าเราอยากเริ่มสร้างนวัตกรรม เราจะเริ่มจากอะไรได้บ้าง วิธีที่ง่ายที่สุด คือ
เรามีของเดิมของเราอยู่ และสิ่งที่จะทำให้เกิดนวัตกรรมได้คือ คุณค่าใหม่ ที่เพิ่มขึ้น ให้กับลูกค้า หรือผู้ใช้ของเราได้
- “ของเดิมมีอยู่ เติมบางอย่างเข้ามา” เกิดคุณค่าใหม่ให้ลูกค้า
ตัวอย่าง น้ำดื่มทั่วไปในที่นี้แทนของเดิมที่มีอยู่ แต่น้ำดื่มยี่ห้อหนึ่ง “เติมเข้า” คือเติมวิตามินบี, วิตามินซี, กรดโฟลิค, เติมรสชาติ ฯลฯ โดยทำการวิจัย-เซอร์เวย์ (survey) ว่าลูกค้าต้องการอะไร จึงกลายจากน้ำเปล่าธรรมดา เติมคุณค่าเข้าไป ออกมาเป็นน้ำดื่มที่สร้างคุณค่าใหม่ให้ลูกค้า
- “ของเดิมมีอยู่ ดึงบางอย่างออกไป” สร้างคุณค่าใหม่ให้ลูกค้า
ตัวอย่าง น้ำดื่มผสมวิตามิน ลูกค้าอาจจะไม่สะดวกในการเก็บรักษา และพกพาระหว่างเดินทาง การแก้โจทย์นี้ก็คือ ดึงน้ำออก ทำเป็นวิตามินผง สร้างคุณค่าใหม่ให้ลูกค้า
- “ของเดิมมีอยู่ ทำให้ใช้ง่าย สะดวกขึ้น” สร้างคุณค่าใหม่ให้ลูกค้า
ตัวอย่าง ลูกมะพร้าว เวลาจะดื่มน้ำมะพร้าว ต้องใช้มีดมาเฉาะ สร้างความยุ่งยาก และเป็นอันตรายได้ จึงแก้โจทย์นี้คือ ทำเป็นเหมือนที่เปิดกระป๋องน้ำอัดลม จึงเปิดกินน้ำมะพร้าวได้ง่ายขึ้น สร้างคุณค่าใหม่ให้ลูกค้า
อีกตัวอย่างโดยต้องพึ่งเทคโนโลยี เช่น โทรศัพท์มือถือพับได้: โทรศัพท์มือถือมีอยู่ก่อนแล้ว แต่การใช้โทรศัพท์มือถือที่สามารถพับได้ เพิ่มความสะดวกสบายในการพกพา ทำให้มีพื้นที่ของหน้าจอแสดงผลมากขึ้น เป็นการสร้างคุณค่าใหม่ให้ลูกค้า
- “ของเดิมมีอยู่ สลับปรับเปลี่ยนพื้นที่การใช้งาน” สร้างคุณค่าใหม่ให้ลูกค้า
ยกตัวอย่าง ร้านหมูกระทะ ช่วงโควิด-19 ระบาด จำเป็นต้องปิดร้าน หรือช่วงที่ร้านเปิดบริการได้ แต่ลูกค้าก็ยังกลัวที่จะติดเชื้อ ทางร้านใช้วิธีสลับปรับเปลี่ยนจากที่ลูกค้าจะมานั่งกินที่ร้าน กลายเป็นทางร้านส่ง ดิลิเวอรี (delivery) ขายอาหารพร้อมแถมเตาปิ้งย่าง ให้ลูกค้าไปประกอบอาหารทำเอง สร้างคุณค่าใหม่ให้ลูกค้า
เมื่อเราต้องการสร้างนวัตกรรม วิธีที่ง่ายที่สุดคือการใช้สิ่งที่มีอยู่แล้ว เพื่อสร้างคุณค่าใหม่ให้กับลูกค้า ไม่จำเป็นต้องสร้างสิ่งใหม่ทั้งหมดตั้งแต่ต้น แต่สามารถเติมเต็มคุณค่าเข้าไปในสิ่งที่มีอยู่แล้ว เพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่ให้กับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญมันไม่ได้สร้างจากสิ่งที่เราอยากสร้าง แต่เป็นการสร้างสิ่งต่าง ๆ ที่เติมคุณค่าใหม่ให้ลูกค้า
เพราะฉะนั้น การเข้าใจแนวคิดของนวัตกรรม เราจะพบว่า Thing, New และ Value : ทำอะไร มีความใหม่ แล้วเกิดคุณค่า สิ่งนั้นเรียกว่านวัตกรรม วิธีที่ง่ายที่สุดในการกระตุ้นไอเดียสร้างสรรค์ เพื่อสร้างนวัตกรรม จากของเดิม และเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์อยู่ (Invaluable)
- Invaluable เติมอะไรเข้ามา เพื่อ สร้างคุณค่าใหม่ให้ลูกค้า
- Invaluable ดึงอะไรออกไป เพื่อ สร้างคุณค่าใหม่ให้ลูกค้า
- Invaluable ทำให้ใช้ได้ง่ายขึ้น เพื่อ สร้างคุณค่าใหม่ให้ลูกค้า
- Invaluable สลับปรับเปลี่ยนการใช้งาน เพื่อ สร้างคุณค่าใหม่ให้ลูกค้า
เมื่อสิ่งที่คุณทำ สร้างคุณค่าใหม่แล้ว และลูกค้าใช้งาน นั่นเป็นการสร้างนวัตกรรมที่สำเร็จแล้ว
ขอบคุณข้อมูล และความรู้ที่ได้รับจากการสนทนา และได้เรียนรู้กับ ดร.วีรินยาอร เหลืองบริบูรณ์ หรือ ดร.อุ๋ย จาก FB: EasyInnovation ผู้เชี่ยวชาญด้านนวัตกรรม ที่ได้สร้างกลุ่มคำร่วมที่เข้าใจง่ายออกมาเป็น “#EasyInnovation”
ช่วยให้เข้าใจง่าย และสามารถนำไปใช้งาน หรือต่อยอดได้จริง ทำให้นวัตกรรมกลายเป็นเรื่องง่าย และใกล้ตัวเรามากยิ่งขึ้น ตามคำที่ว่า
“นวัตกรรมไม่จำเป็นที่ต้องหรูหรา แต่สร้างคุณค่าได้ทันที”
ผลิตภัณฑ์นวัตกรรมแนะนำ
VAGASO Biotic Process กาแฟนวัตกรรมจำลองการหมักในกระเพาะชะมด
ด้วยกระบวนการ Process ที่พิถีพิถัน ใส่ใจรายละเอียดทุกขั้นตอน
จนได้เป็นเมล็ดกาแฟเมล็ดแรกของคนไทย ที่เพิ่มคุณค่าของ รสชาติ และ สุขภาพ ในเวลาเดียวกันได้อย่างลงตัว

สรุป
นวัตกรรม (Innovation) เป็นการสร้างสิ่งใหม่ ๆ ที่มีคุณค่า และเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้ หรือลูกค้า ซึ่งประกอบด้วย 3 กลุ่มคำสำคัญ ได้แก่ Thing, New และ Value
กลุ่มคำ Thing จะแบ่งเป็น 6 ประเภท ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ (Product), การบริการ (Service), กระบวนการ (Process), การบริหารจัดการ (Management), ระบบ (System) และรูปแบบธุรกิจ (Business Model) โดยสิ่งเหล่านี้อาจเกิดขึ้นมาจากการคิดค้นวิจัย และพัฒนาสิ่งใหม่ ๆ หรือจากการพัฒนาต่อยอด หรือปรับปรุงจากสิ่งที่มีอยู่แล้ว
กลุ่มคำ New มีมาตรฐานเพื่ออ้างอิงความใหม่ 9 ระดับ ซึ่งแต่ละระดับจะบอกถึงความใหม่ของสิ่งนั้น ๆ ตั้งแต่ระดับ New to an Individual ไปจนถึง New to the World
กลุ่มคำ Value หมายถึง คุณค่าที่มีประโยชน์ และสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า-ผู้ใช้งาน โดยมี 3 ส่วนหลัก ๆ ได้แก่ “เพิ่มประโยชน์”, “ลดปัญหา-แก้ไขปัญหา” และ “เพิ่มคุณค่าทางจิตใจ” โดยเพิ่มประโยชน์เชื่อมโยงกับลูกค้า และสร้างความรู้สึกที่ดีให้กับผู้ใช้งาน
การสร้างนวัตกรรมที่มีคุณค่า และเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้ หรือลูกค้า เป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาธุรกิจ และเศรษฐกิจในปัจจุบัน จึงควรมีการส่งเสริม และสนับสนุนการคิดค้นนวัตกรรม และการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จากภาพรัฐ และเอกชน
InnBuddy (อินอินน์บัดดี้) “เพื่อนแท้นวัตกรรม” ขอเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมพัฒนา และประชาสัมพันธ์ พร้อมเดินเคียงข้างนวัตกรรมไทยต่อไป
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
อย่าลืม! แอดไลน์ @innbuddy เพื่อรับข่าวสาร และโพรโมชันจากทางร้าน