ปัจจุบันคนทั้งโลกต้องหันกลับมาดูแลเอาใจใส่ เรื่องสุขภาพกันอย่างจริงจัง ส่วนหนึ่งมาจากการระบาดของโควิด-19 ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มคนในวัยใด ต่างหันมาสนเรื่องสุขภาพดูแลตัวเองให้แข็งแรงมากขึ้น โดยหันมาออกกำลังกาย และศึกษาหาความรู้เรื่องการบริโภค ว่าอะไรมีประโยชน์ และให้โทษมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นลดกินของมัน ของทอด และลดของหวาน
สารบัญบทความ
- ประโยชน์ของผักแต่ละสี
- สถิติการกินผักของเด็กไทย
- เคล็ดลับให้ลูกกินผักได้ง่ายขึ้น
- เชื่อหรือไม่? เรื่องกินผัก จะเป็นปัญหาระดับโลก
ผัก ซึ่งเป็นแหล่งรวมของวิตามิน และแร่ธาตุหลากหลายชนิด
และคุณสมบัติหนึ่งที่ขาดไม่ได้ที่มีอยู่ในผักคือ เส้นใยอาหาร ที่มีส่วนช่วยลดการดูดซึมของไขมันเข้าสู่ร่างกาย และช่วยระบบย่อยอาหาร ทำให้การขับถ่ายในแต่ละวันเป็นปกติอีกด้วย ดังนั้นเรียกได้ว่าผักมีประโยชน์ต่อร่างกายทั้งนั้น ถือได้ว่าเป็นพระเอกอย่างหล่อของวงการสุขภาพเลยก็ว่าได้
เมื่อรู้ว่าผักมีประโยชน์ต่อร่างกาย เราจะมาเจาะลึกถึง ผักแต่ละสี ที่อุดมไปด้วยประโยชน์ที่ต่างกัน ไปดูกันเลยครับ
- สีเหลืองส้ม มีสารเบต้าแคโรทีน ฟลาโวนอยด์ วิตามินซี ช่วยบำรุงสายตา ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ และหลอดเลือด ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย
- สีแดง มีสารไลโคพีน ช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมากของผู้ชาย มะเร็งปอด มะเร็งกระเพราะอาหาร และยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็งบางชนิด
- สีเขียว มีสารคลอโรฟิลล์ ลูทีน เป็นสารช่วยต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันเซลล์ถูกทำลาย ลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็ง
- สีม่วง มีสารแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) และกลุ่ม Polyphenol มีส่วนช่วยในการชะลอความเสื่อมของเซลล์ ช่วยลดอันตรายจาก รังสีอัลตราไวโอเลต ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง และหัวใจ ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้ผนังหลอดเลือด ยับยั้งเชื้อ อี-โคไล
- สีขาว-น้ำตาลอ่อน มีสารอัลลิซิน มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็ง ต้านการอักเสบ ช่วยป้องกันเส้นเลือดอุดตัน ยับยั้งการเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์
เป็นอย่างไรกันบ้างครับเห็นประโยชน์จากผัก ที่มีวิตามิน และสารอาหารที่มีประโยชน์ที่มีความจำเป็นต่อร่างกาย มีมากมายขนาดนี้
แต่เป็นที่น่าเสียดาย ที่จากการสำรวจของ สำนักงานสำรวจสุขภาพประชาชนไทย กระทรวงสาธารณสุข พบว่าเด็กไทย กว่า 90% กินผักผลไม้ไม่เพียงพอ
เสี่ยงโรคอ้วน หัวใจ มะเร็ง และโรคเบาหวาน และที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือ กลุ่มของเด็กอายุ 6-14 ปี ซึ่งพบว่ามีเพียงร้อยละ 6.8 หรือประมาณ 3 แสนคน เท่านั้นที่ทานผักผลไม้ได้ตามเกณฑ์ที่กำหนด โดยเด็กจะทำพฤติกรรมคุ้นชิน โดยเขี่ยผักออกจากจาน และซึมซับพฤติกรรมนี้ไปจนโต และกลายเป็นคนไม่ชอบกินผักไปตลอด
ผลิตภัณฑ์นวัตกรรมแนะนำ
นวัตกรรมผักโขมอินทรีย์อบกรอบ เป็นการนำผักโขมมาแปรรูปเป็นแผ่นบางกรอบ เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถรับประทานผักโขมได้ง่ายขึ้น ซึ่งเหมาะสำหรับกลุ่มผู้บริโภคที่ไม่ชอบรับประทานผักสด หรือกลุ่มผู้บริโภคสายเฮลที (Healthy) ที่ต้องการอาหารที่มีคุณค่าอาหารสูง
- 1 ซอง พลังงานเพียง 25 แคลอรี
- 1 ซอง = ผักขม 1 ถุงในซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป (200 กรัม)
- 1 ซอง = มีปริมาณใยอาหาร ช่วยกระตุ้นการขับถ่าย เท่ากับ ผักโขมสด 1 ขีด (80 กรัม)
- วัตถุดิบหลักเป็นผักโขมอินทรีย์แท้ๆ 100%
- ผักโขมอุดมไปด้วยสารอาหาร ธาตุเหล็ก แคลเซียม วิตามิน
- ผักโขมช่วยทำให้ร่างกายผลิตคอลลาเจนได้มากขึ้น
- ผักโขมให้โปรตีนสูงพอ ๆ กับเนื้อสัตว์
- ผักโขมช่วยป้องกันการสูญเสียกล้ามเนื้อ
- ผักโขมช่วยบำรุงเลือด และทำให้เลือดไหลเวียนดี
ผักโขมอบกรอบเป็นทางเลือกอร่อย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรับประทานอาหารที่มีคุณค่าอาหารสูง สามารถเป็นขนมยามว่างช่วง "เรียนออนไลน์" สำหรับเด็กๆ และช่วง "Work From Home" สำหรับคุณ
2. มีสีสันที่สดใส
สีสันต้องสดใส การจัดวางของผักในอาหารต้องหลากหลายชนิด ลองปรับเปลี่ยนหมุนเวียนเมนูผัก แล้วสังเกตดูลูกว่าชอบ และไม่ชอบกินผักอะไร เพื่อเป็นข้อมูลปรับพฤติกรรมการกินผักของลูกต่อไป
3. ตกแต่งเมนูอาหารให้เป็นรูปต่างๆ
นอกจากหน้าตาอาหารแบบเดิมๆ ที่ลูกคุ้นเคย ลองคิดไอเดียใหม่ๆ มาแต่งอาหาร เช่น รูปการ์ตูนตัวโปรดที่ลูกชอบ, รูปสัตว์น่ารัก ทำให้ลูกเกิดความสนุก และมีส่วนร่วมที่อยากกินผักมากขึ้น
4. ใส่ผักลงในจานโปรดของลูก
ให้ลองสังเกตดูว่าลูกชอบกินอะไร แล้วหาวิธีใส่ผักเข้าไปในเมนูโปรดของลูก อาจจะเป็นผักปั่น บด หรือจะเป็น ผักขมอินทรีย์อบกรอบ แค่นี้ก็จะช่วยให้ลูกกินผักโดยไม่ต้องฝืนใจ หรืออาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังกินผักอยู่
5. ถูกที่ ถูกเวลา
เลือกเวลาที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นหลังกิจกรรมที่เด็กๆ เล่นจนหมดแรง และมีความหิว ทำให้ไม่มีความสนใจในอาหารที่จะกินมาก เวลานี้จึงเหมาะกับการให้ลูกกินอาหารที่มีส่วนผสมของผัก เรียกได้ว่าเวลาหิวกินอะไรก็อร่อย ตัวอย่างเมนูเช่น ข้าวต้มหมูใส่แคร์รอต แซนด์วิชทูน่าใส่ผัก โจ๊ะใส่ผักขมอบกรอบ หรือว่าจะเป็นเมนูง่ายแต่เพิ่มคุณค่า บะหมี่กึ่งสําเร็จรูปใส่ผักโขม
เชื่อแน่ได้ว่าทำตามเคล็ดลับดังกล่าว ผลที่ได้จะดีกว่าวิธีการบังคับ ถ้าไม่กินก็ลงโทษ หรือแม้แต่การให้รางวัลหลอกล่อ
ซึ่งแน่นอนผลที่ตามมาจากการทานผักผลไม้ จะช่วยเรื่องในการขับถ่าย ลดไขมัน และคอเลสเตอรอล ยังช่วยลดความเสี่ยงให้เกิดโรคอ้วน และโรคเรื้อรังอื่นๆ
โดยเฉพาะโรค NCDs คือ (non-communicable diseases) ที่เรียกว่า กลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากพฤติกรรมการบริโภค และการดำเนินชีวิต ซึ่งส่งผลให้ก่อเกิดโรคอย่างช้าๆ ค่อยๆ สะสมอาการอย่างต่อเนื่อง
เรื่องกินผัก เป็นปัญหาระดับประเทศ และระดับโลก
หากเรายังไม่สามารถแก้ปัญหาจากการกินผัก และผลไม้ให้เพียงพอ จะต้องแบกรับจากปัญหาสุขภาพในระยะยาว โดยมีรายงานว่า
- ร้อยละ 19 ของโรคมะเร็งระบบทางเดินอาหาร
- ร้อยละ 31 ของโรคหัวใจขาดเลือด
- ร้อยละ 11 ของโรคหลอดเลือดสมอง
มีสาเหตุมาจากการบริโภคผักผลไม้ไม่เพียงพอ แต่ถ้าหากเราสามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ ในแต่ละปี จะสามารถรักษาชีวิตคนบนโลกนี้ได้เกือบ 2.7 ล้านคน
ขอบคุณข้อมูลจาก