การคั่วกาแฟ เรื่องของรสชาติ ความชอบ รสนิยม รวมถึงทำความเข้าใจกับระดับการคั่วกาแฟ

การคั่วกาแฟ

หัวใจหลักอย่างหนึ่งที่ทำให้กาแฟมีกลิ่นอันหอมหวนบวกกับรสชาติสุดแสนกลมกล่อม ต้องยกให้กับการคั่วเมล็ดกาแฟ เพราะนี่ถือเป็นอีกหัวใจสำคัญที่เติมแต่งให้คอกาแฟเกิดความสุขในทุกๆ ครั้งเมื่อได้ดื่ม จึงเชื่อว่ามีหลายๆ คนอยากทำความรู้จักเกี่ยวกับการคั่วเมล็ดกาแฟมากขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอน

บทความนี้จึงขอพาไปเจาะลึกในทุกแง่มุมเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว รับรองว่าคอกาแฟจะต้องโปรดปราน และทำให้การดื่มกาแฟในแก้วโปรดของคุณมีเรื่องราวน่าค้นหามากขึ้น

การคั่วเมล็ดกาแฟ

สารบัญเนื้อหา

ขั้นตอนพื้นฐานในการคั่วกาแฟ

ขั้นตอนการคั่วกาแฟ

จริงๆ แล้วการคั่วเมล็ดกาแฟของบางร้านจะแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับสูตร หรือเทคนิคที่บาริสต้านำมาใช้ แต่ภาพรวมจะขออธิบายพื้นฐานคร่าวๆ กันว่ามีขั้นตอนอย่างไรบ้าง

  1. นำเมล็ดกาแฟดิบที่ได้ไปทำการคั่วจะเกิดไอระเหยซึ่งเกิดจากสารอินทรีย์ในเมล็ดกาแฟที่อัดแน่นไปด้วยน้ำเมื่อพบเจอกับความร้อนจึงเกิดปฏิกิริยาดังกล่าว เมื่อน้ำระเหยออกมาเป็นไอจนหมดเมล็ดกาแฟที่เหลืออยู่จะแห้งลง
  2. หลังทำการคั่วผ่านไปสักระยะเมล็ดกาแฟที่ใส่ลงไป (เดิมเป็นสีเขียว) จะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลือง จากนั้นก็ได้ยินเสียงแตกของเมล็ดกาแฟ ซึ่งถ้าหากต้องการใช้งานเลยการแตกในช่วงแรกนี้ถือว่าเป็นรูปแบบของเมล็ดกาแฟคั่วอ่อน
  3. อย่างไรก็ตามหากยังคั่วต่อไปเรื่อยๆ เสียงแตกของเมล็ดกาแฟจะค่อยๆ เพิ่มขึ้นคล้ายๆ กับได้ยินเสียงข้าวโพดคั่ว สาเหตุที่เกิดการแตกมาจากภายในเมล็ดกาแฟจะมีคาร์บอนเป็นส่วนประกอบหลัก เมื่อพบเจอกับความร้อน ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่อยู่ด้านในจะดันตัวออกมาจากนั้นก็แตกดังที่ได้ยินเสียงนั่นเอง
  4. พอเวลาผ่านไปจนถึงช่วง First Crack หรือ เป็นจังหวะที่เมล็ดกาแฟเกิดการขยายตัวมากขึ้นจนเกิดการอ้าเพื่อให้ก๊าซภายในออกมา ตรงนี้จะส่งผลด้านรสชาติตามแต่กาแฟสายพันธุ์นั้นๆ ทั้งเปรี้ยว, ขม, หวาน ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นนี้บ่งบอกได้ว่ากำลังเข้าสู่กาแฟระดับคั่วกลาง เมื่อไหร่ที่เสียงหายไปแสดงว่าผ่านระดับดังกล่าวเรียบร้อย
  5. หากยังทำการคั่วต่อไปเรื่อย ๆ จนได้ยินเสีย Second Crack หรือการขยายตัวของเมล็ดกาแฟครั้งที่ 2 แสดงว่าเริ่มเข้าสู่กาแฟระดับคั่วเข้มแล้วนั่นเอง

ทำความเข้าใจกับระดับการคั่วกาแฟ

สีของระดับการคั่วกาแฟ

หลังผ่านขั้นตอนการคั่วกาแฟมาแล้วจะเห็นว่าระดับการคั่วของกาแฟจะมีความแตกต่างกันออกไป ซึ่งขอขยายความให้เกิดความเข้าใจที่มากขึ้นกว่าเดิม

  • กาแฟระดับคั่วอ่อน

สีสันของเมล็ดกาแฟจะออกเหลืองไปจนถึงน้ำตาลอ่อน ๆ (นึกภาพของสีอบเชย) ซึ่งรสชาติที่ได้จะให้อารมณ์ธรรมชาติของกาแฟมากๆ คือยังสัมผัสถึงความเปรี้ยว ความฝาดเยอะ ใครชอบการดื่มที่ได้อารมณ์แท้ ๆ จะหลงใหลในกาแฟระดับคั่วอ่อนมาก ซึ่งเมล็ดกาแฟประเภทนี้จะนิยมใช้ทำกาแฟร้อนเพื่อให้ได้กลิ่นอย่างเต็มที่

  • กาแฟระดับคั่วกลาง

สีสันของเมล็ดกาแฟจะเริ่มออกสีน้ำตาลเข้มมากขึ้น (แต่ยังไม่ถึงขั้นดำจนไหม้) รสชาติที่ได้จะผสมผสานกันระหว่างความขมกับความหวาน อาจมีรสสัมผัสความเปรี้ยวแซมขึ้นมาบ้างเล็กน้อย สามารถนำไปทำได้ทั้งกาแฟร้อนและเย็น

ซึ่งถ้าเลือกทำกาแฟร้อนระดับความเปรี้ยวจะต่ำกว่ากาแฟระดับคั่วอ่อน แต่ถ้าทำเป็นกาแฟเย็นระดับความเข้มจะสูงขึ้นแต่ยังน้อยกว่ากาแฟระดับคั่วเข้ม

ผลิตภัณฑ์นวัตกรรมแนะนำ

VAGASO Biotic Process กาแฟนวัตกรรมจำลองการหมักในกระเพาะชะมด

ด้วยกระบวนการ Process ที่พิถีพิถัน ใส่ใจรายละเอียดทุกขั้นตอน

จนได้เป็นเมล็ดกาแฟเมล็ดแรกของคนไทย ที่เพิ่มคุณค่าของ รสชาติ และ สุขภาพ ในเวลาเดียวกันได้อย่างลงตัว

กระบวนการผลิตกาแฟขี้ชะมด
  • กาแฟระดับคั่วเข้ม

สีสันของเมล็ดกาแฟระดับนี้จะมีสีสันออกน้ำตาลเข้มชัดเจน รสชาติจะได้ความขมผสมผสานกับความหวานนิดหน่อย (ความหวานน้อยมากๆ จนบางคนอาจสัมผัสไม่เจอ) ขณะที่จะไม่เหลือความเปรี้ยวในเมล็ดกาแฟแล้ว

นิยมนำไปทำเป็นกาแฟเย็น หรือชงดื่มกับคนที่ชอบความเข้มขมของกาแฟ รวมถึงคนที่อยากสัมผัสกับ body กาแฟ (เนื้อสัมผัส) ให้มากกว่าเดิม ส่วนใหญ่กาแฟระดับคั่วเข้มจะชอบนำไปทำเป็น คาปูชิโน่, ลาเต้ เย็น (เมนูที่มีส่วนผสมของนม) ส่วนกาแฟอื่น ๆ อาจให้ความเข้มที่มากเกินไป

ทำไมถึงต้องทำการคั่วเมล็ดกาแฟ

เครื่องคั่วกาแฟ

เคยตั้งคำถามกันหรือไม่ว่าทำไมถึงต้องมีการคั่วเมล็ดกาแฟ ตอบตรงๆ นั่นเพราะเมล็ดกาแฟตามธรรมชาติที่ได้มาจะไม่สัมผัสถึงกลิ่นหอม แม้มีการนำไปต้มดื่มก็ตาม การคั่วเมล็ดกาแฟจึงเปรียบได้กับกระบวนการดึงเอากลิ่นอันแสนวิเศษรวมถึงรสสัมผัสที่ดีขึ้นกว่าเดิมออกมาให้ทุกๆ คนได้ลองสัมผัส อีกทั้งหลายๆ

แบรนด์กาแฟหรือร้านขายกาแฟรสชาติอร่อยยังนำเอาขั้นตอนการคั่วเหล่านี้ไปสร้างเป็นเรื่องราวให้เกิดอันน่าสนใจ ช่วยเพิ่มมูลค่าของกาแฟแก้วดังกล่าวให้มากขึ้นกว่าเดิม

อย่างไรก็ตามคนที่จะคั่วเมล็ดกาแฟต้องมีประสบการณ์และความชำนาญและใช้เทคนิคไม่ว่าจะเป็นการไล่ความชื้น อุณหภูมิ-เวลาที่ใช้ในการคั่วกาแฟแต่ละระดับ วิธีขจัดกลิ่นเบิร์น เพื่อให้ได้ความเหมาะสม และพร้อมสำหรับการนำไปสู่ขั้นตอนการชงมากที่สุด

ขอเพียงคุณอนุญาต ให้กาแฟ VAGASO ผ่านลิ้นรับรู้รสสัมผัส ความนุ่มกลมกล่อม และปล่อยให้สารกาบา พุ่งตรงทำหน้าที่ช่วยในเรื่องประสาท และสมอง เพื่อเป็นการเติมเต็ม จากการดื่มกาแฟในทุกๆ วัน เพียงแค่นี้ ก็ทำให้กาแฟแก้วโปรดของคุณ มีความหมายมากขึ้น

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม

ใครที่เป็นคอกาแฟเมื่อเข้าใจถึงเรื่องราวการคั่วเมล็ดกาแฟแล้วน่าจะช่วยเพิ่มเติมอรรถรสในการดื่มแต่ละแก้วให้มากกว่าเดิม อีกทั้งยังเป็นความรู้เพื่อช่วยให้คุณสามารถเลือกกาแฟที่โดนใจได้อีกด้วย เพราะเรื่องของกาแฟไม่ใช่แค่ดื่มแล้วจบ แต่มันเต็มไปด้วยเรื่องราว มนต์เสน่ห์อันชวนหลงใหล ซึ่งไม่จำเป็นต้องคอกาแฟเพียงอย่างเดียว คนที่ดื่มกาแฟบ้างหรืออยากหัดดื่มก็สามารถศึกษาข้อมูลเหล่านี้ได้ เพื่อเป็นอีกแนวทางในการเลือกรสชาติกาแฟแก้วโปรดของตนเองให้ออกมาดีที่สุด ดื่มเมื่อไหร่ก็สดชื่น กระปรี้กระเปร่า พร้อมสำหรับการทำงานในทุกๆ เช้า

สรุประดับการคั่วเมล็ดกาแฟ

กาแฟคั่วระดับเข้ม

  1. คั่วระดับอ่อน รสชาติจะออกเป็นผลไม้ (รสชาติเปรี้ยว) บ่งบอกคุณลักษณะที่แท้จริงของสายพันธุ์ และแหล่งเพาะปลูก
  2. คั่วระดับกลาง กาแฟจะให้รสชาติที่หวาน มีเปรี้ยวและความขมเข้ามาเล็กน้อย มีเนื้อหาของรสชาติให้น่าค้นหามากขึ้น
  3. คั่วระดับเข้ม จะได้รสชาติที่ความขมนำ มีความหวานเล็กน้อย ความเปรี้ยวหายไป ส่วนมากนิยมไปทำร่วมกับเมนูที่มีส่วนผสมของนม เช่น ลาเต้ คาปูชิโน

รีวิวจากลูกค้าของเรา

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

line innbuddy
email innbuddy
facebook innbuddy
tel innbuddy

อย่าลืม! แอดไลน์ @innbuddy เพื่อรับข่าวสาร และโพรโมชันจากทางร้าน