หากต้องการเพลิดเพลินกับกาแฟที่ดีที่สุด พร้อมนั่งชิลล์ในบ้านของตนเอง ก็จำเป็นต้องจัดเก็บกาแฟด้วยวิธีที่จะทำให้เมล็ดกาแฟคั่วยังคงสด ใหม่ หอมอร่อย รสชาติกลมกล่อมอยู่กับเราไปนานๆ
วิธีเก็บเมล็ดกาแฟ และปัจจัยที่ทำให้เมล็ดกาแฟคั่วเสื่อมสภาพ
เมล็ดกาแฟจัดเป็นวัตถุดิบที่มีการเปลี่ยนแปลงได้ง่าย โดยเมล็ดกาแฟทั่วไปจะสูญเสียความสดใหม่ทันทีเมื่อผ่านขั้นตอนการคั่ว และจากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวส่งผลในเรื่องรสชาติ กับกลิ่นตามธรรมชาติที่ด้อยลงหมายความว่ายิ่งนำเมล็ดกาแฟมาชงเร็วเท่าไหร่ หลังจากที่เมล็ดกาแฟคายแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ (carbon dioxide) ก่อนประมาณ 3-7 วัน หลังจากวันที่คั่ว ก็จะสัมผัสกับความพิเศษมากเท่านั้น
สารบัญเนื้อหา
- ซื้อให้น้อยลง แต่ซื้อถี่ขึ้น
- เก็บกาแฟให้ห่างจากอากาศ ความชื้น ความร้อน และแสง
- เมล็ดกาแฟคั่วอ่อน ก็ต้องการความมิดชิด
- สรุป
เมล็ดกาแฟจะยังคงตัวอยู่ในสภาพดีราว 1 เดือน หลังผ่านการคั่ว ขณะที่กาแฟที่บดแล้วจะมีอายุเพียง 1-2 สัปดาห์ หลังการคั่ว ข้อสงสัยคือทำไมทั้ง 2 ประเภทจึงมีความแตกต่างกัน?คำตอบคือ กาแฟบดจะมีผิวสัมผัสที่มากกว่าเมล็ดกาแฟที่ยังไม่บด จึงทำให้เกิดความสุ่มเสี่ยงต่อศัตรูตัวร้ายทั้ง 4 ประเภท ได้แก่
- อากาศ
- ความชื้น
- ความร้อน
- แสง
หนึ่งในวิธีที่จะช่วยเพิ่มความมั่นใจว่า กาแฟที่คุณดื่มยังคงสดใหม่แน่ๆ นั่นคือ การซื้อเมล็ดกาแฟดิบๆ ที่ยังมีสีเขียวเพราะไม่ผ่านการคั่ว หรือที่เรียกว่า กาแฟสาร จากนั้นจึงนำมาคั่วด้วยตนเอง เพราะเมล็ดกาแฟที่ยังไม่ผ่านกระบวนการคั่วจะยังคงรักษาสภาพความสดใหม่ เอาไว้ได้นานนับปี แต่อย่างที่รู้กันว่าหลายๆ คนอาจไม่มีเวลามานั่งคั่วกาแฟเองที่บ้าน หรือบางคนไม่สะดวกที่จะทำหากไม่สามารถคั่วเองได้ จะมีวิธีรักษากาแฟให้สด ใหม่ ได้อย่างไร?
1. ซื้อให้น้อยลง แต่ซื้อถี่ขึ้น
การซื้อเมล็ดกาแฟคั่วสดที่ดีปกติแล้วบรรจุภัณฑ์ควรถูกปิดสนิทด้วยตัวล็อก เพราะจะช่วยรักษาความสดใหม่ได้ดีกว่าบรรจุภัณฑ์ชนิดอื่นๆ ตัวเมล็ดกาแฟจะคายแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ได้นาน 1 สัปดาห์หลังการคั่วดังนั้นเมล็ดกาแฟที่พึ่งผ่านการคั่วใหม่สามารถบรรจุปิดผนึกได้ทันทีโดยไม่ทำให้เสื่อมสภาพได้ไวหลังการคั่ว ตัวล็อกแบบทางเดียวจะช่วยให้คาร์บอนไดออกไซด์คลายออกไป แต่ไม่เปิดให้ออกซิเจนเข้ามา
ควรเลือกซื้อกาแฟในปริมาณที่พอดี หากซื้อแบบเมล็ดให้ซื้อในปริมาณที่คาดว่าจะดื่มหมดภายใน 1 เดือน จากนั้นพยายามบดเมล็ดกาแฟให้เพียงพอต่อการชง 1 ครั้ง แต่ถ้าเป็นการซื้อเมล็ดกาแฟคั่วบดควรซื้อเพียงแค่ใช้ 1-2 สัปดาห์ก็พอ
2. เก็บกาแฟให้ห่างจากอากาศ ความชื้น ความร้อน และแสง
เก็บกาแฟอย่างไรให้สดใหม่? หัวใจสำคัญคือ การดูแลรักษากาแฟทั้งแบบเมล็ด และแบบคั่วบดให้ห่างจากศัตรูตัวร้ายทั้ง 4
-
เก็บเมล็ดกาแฟ ให้สัมผัสอากาศน้อยที่สุด?
ถุงฟอยด์
เมื่อเปิดบรรจุภัณฑ์ที่บรรจุกาแฟมาแล้ว อย่าปล่อยทิ้งไว้ โดยปกติแล้วเมล็ดกาแฟจะถูกบรรจุในถุงฟอยด์ และในถุงจะมี วาล์วทางเดียว เพื่อคายคาร์บอนไดออกไซด์ ออกมาเมื่อนำเมล็ดกาแฟออกมาเพื่อชงตามความต้องการแล้ว ควรรีดอากาศที่อยู่ภายในถุง และปิดถุงฟอยด์ให้สนิททันที เพื่อป้องกันอากาศเข้ามาภายในถุง(แต่ไม่แนะนำให้นำแม็กเย็บกระดาษ มาเย็บเพื่อปิดปากถุงนะครับ เพื่อป้องกันลูกแม็กตกลงไปในเครื่องชง หรือเครื่องบดกาแฟได้)
ขวดโหล ขวดแก้ว
ขอดี คือมีความสวยงาม สามารถมองเห็นเมล็ดกาแฟคั่วจากภายนอก แต่ก็ควรหาภาชนะที่มีฝาที่มีซีลยาง เพื่อให้ปิดที่สนิทยิ่งขึ้นขอเสีย ของการเลือกภาชนะ ขวดโหล ขวดแก้ว ใส่เมล็ดกาแฟก็คือ ถึงจะปิดสนิทยังไงก็ยังมีช่องว่างให้อากาศเข้าไปสัมผัสกับเมล็ดกาแฟคั่ว หรือที่เรียกว่าเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน (Oxidation)
-
หลีกเลี่ยงความชื้น
ควรเก็บกาแฟเอาไว้ในที่แห้ง ระดับความชื้นที่มากเกินไปจะเร่งกระบวนการเสื่อมสภาพของกาแฟจนทำให้มีรสเปรี้ยว มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ เพราะคุณสมบัติของกาแฟอย่างหนึ่งจะดูดซับสิ่งเหล่านั้นเข้าไปในตัวเมล็ดกาแฟเองจากสาเหตุดังกล่าว จึงไม่แนะนำให้เก็บเมล็ดกาแฟเอาไว้ในช่องแช่แข็ง หรือในตู้เย็นเป็นอันขาด
เพราะระหว่างที่ เปิด-ปิด ตู้เย็นอาจเกิดการควบแน่นจนทำให้ความชื้นเข้าถึงภายในภาชนะได้
ทั้งนี้หากเป็นกาแฟในปริมาณเล็กน้อยเก็บใส่ภาชนะปิดฝาสนิท แล้วเก็บที่ช่องแช่แข็งสามารถทำได้ทว่าการเก็บดังกล่าวไม่ได้เป็นการยืดอายุของกาแฟแต่อย่างได้ อีกเรื่องสำคัญคือ เมื่อนำกาแฟออกมาจากช่องแช่แข็งแล้ว ห้ามนำกลับเข้าไปอีก เพราะจะยิ่งเพิ่มความชื้นให้กาแฟมากกว่าเดิม
-
เก็บให้ห่างจากความร้อน
แม้ไม่แนะนำให้เก็บกาแฟในช่องแช่แข็ง หรือตู้เย็น แต่ก็ไม่ควรเก็บเอาไว้ในพื้นที่ความร้อนสูงด้วยเช่นกัน เพราะความร้อนจะเร่งปฏิกิริยาภายในส่งผลถึงรสชาติกาแฟด้อยลง เช่น เกิดกลิ่นเหม็นหืนในเมล็ดกาแฟดังนั้นหากเก็บไว้ในตู้กับข้าว หรือช่องเก็บของในครัวต้องดูให้แน่ใจว่าไม่อยู่ใกล้เตาแก๊ส หรือเตาอบ และอย่าวางในพื้นที่แดดส่องถึง เช่น ชั้นใกล้หน้าต่าง เพราะช่วงเวลาเดียวที่กาแฟควรโดนความร้อนคือ ตอนชงดื่มเท่านั้น!
ผลิตภัณฑ์นวัตกรรมแนะนำ
VAGASO Biotic Process กาแฟนวัตกรรมจำลองการหมักในกระเพาะชะมด
ด้วยกระบวนการ Process ที่พิถีพิถัน ใส่ใจรายละเอียดทุกขั้นตอน
จนได้เป็นเมล็ดกาแฟเมล็ดแรกของคนไทย ที่เพิ่มคุณค่าของ รสชาติ และ สุขภาพ ในเวลาเดียวกันได้อย่างลงตัว
3. เมล็ดกาแฟคั่วอ่อน ก็ต้องการความมิดชิด
แม้ว่าลักษณะของเมล็ดกาแฟคั่วอ่อน (light roast) จะดูเหมือนเก็บรักษาง่ายกว่าระดับการคั่ว กลาง-เข้ม เนื่องจากระยะเวลาในการคั่วที่น้อยกว่านั้นหมายถึงปริมาณน้ำมันที่ปกคลุมเมล็ดกาแฟมีน้อย สังเกตุจากตัวเมล็ดจะไม่ดูเปียกน้ำมัน โอกาสที่จะเหม็นหืนมีน้อยกว่า แต่แสงก็ยังถือเป็นศัตรูตัวฉกาจอยู่ดีด้วยเหตุนี้จึงไม่แนะนำให้เก็บกาแฟเอาไว้ในภาชนะที่เป็นแก้ว หรือเลือกภาชนะทึบแสง และควรวางในพื้นที่ๆ แสงส่องไม่ถึงด้วยเช่นกัน
สรุป
ศัตรูตัวร้ายของกาแฟทุกชนิดมีอยู่ด้วยกัน 4 อย่าง ได้แก่ อากาศ, ความชื้น, ความร้อน และแสง คำแนะนำเหล่านี้จะช่วยให้คุณยังคงสัมผัสกับรสชาติของกาแฟสุดโปรดของคุณได้นานๆ จะชงดื่มครั้งไหนก็ละมุน หอมกรุ่น และสร้างความสุขให้ได้เสมอ ยิ่งใครต้องดื่มเป็นประจำ หรือเรียกว่าเป็นคอกาแฟ หากไม่รู้วิธีจัดเก็บอย่างถูกต้อง เมื่อชงดื่มอาจต้องเสียใจกับรสชาติ กลิ่นที่ต่างไปจากเดิม มันน่าเศร้าจริงๆ ว่าไหมครับ
ขอแถมความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนอีกนิดนะครับ ส่วนตัวแล้วชอบความสะดวก และหยิบกาแฟมาชงได้ง่าย จึงเลือกเก็บในถุงฟอยด์ที่บรรจุเมล็ดกาแฟมาตั้งแต่แรก
โดยเมื่อนำเมล็ดกาแฟมาชง ที่เหลือแค่ไล่อากาศออก และพับปิดปากถุงฟอลย์ให้สนิท โดยส่วนที่ปิดให้อยู่เหนือวาล์วยิ่งบรรจุภัณฑ์ถุงฟอยด์ในปัจจุบันปากถุงเป็นแบบซิปล็อค แค่รีดอากาศออกก่อนปิดแค่นี้ก็เก็บกาแฟ 1 เดือนสบายๆ ให้เพื่อนๆ ได้ฟินกันยาวๆ ครับ
ผลิตภัณฑ์นวัตกรรมแนะนำ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
อย่าลืม! แอดไลน์ @innbuddy เพื่อรับข่าวสาร และโพรโมชันจากทางร้าน